“เตารีด” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ประจำบ้าน ที่จำเป็นจะต้องมีเอาไว้เพื่อช่วยในการรีดเสื้อผ้าให้เรียบ สวยงาม และดูดี ซึ่งในปัจจุบันเตารีดเองก็ถูกแบ่งออกได้หลายประเภทตามรูปแบบในการใช้งาน แต่เตารีดที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นก็คือ “
เตารีดแห้ง” และ “เตารีดไอน้ำนั่นเอง” ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยให้คนที่กำลังมองหาเตารีดเครื่องใหม่ ได้มีความสุข ที่จะได้ซื้อเตารีดแบบที่ถูกใจ วันนี้จะขอพาท่านไปทำความรู้จักกับ ตารีดแบบแห้ง และเตารีดแบบไอน้ำ และ เตารีดในปัจจุบันส่วนใหญ่ล้วนได้มาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ห้า จึงมั่นใจได้ว่าช่วยให้ประหยัดได้ทั้งเงินและเวลาแน่นอน ส่วนเตารีดทั้งสองประเภทจะมีข้อแตกต่างกันแบบใดบ้าง ตามมาดูข้อมูลกันเทางนี้เลยค่ะ
ประเภทของเตารีด
ไม่ว่าจะเป็นเตารีดประเภทไหนก็สามารถทำให้ผ้าเรียบได้ แต่! ไม่ใช่ทุกประเภทจะสามารถนำมารีดกับเนื้อผ้าได้ทุกแบบ ซึ่งพวกมันแต่ละประเภทต่างก็มีข้อดีจุดเด่นที่เหมาะกับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกประเภทให้เหมาะกับสไตล์ชีวิตและความต้องการจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยหลัก ๆ แล้ว จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการทำงาน ได้แก่
เตารีดแห้งและเตารีดไอน้ำ
1.
เตารีดแห้ง เป็นประเภทต้นแบบของ เตารีดไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ต้นกำเนิดของมันเริ่มมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 เครื่องแรกของโลกชื่อว่า Electric Flatiron ถูกสร้างโดยนักประดิษฐ์ชาวอเมริกา Henry W. Seeley ทำงานโดยใช้หลักการแปลงพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นความร้อน แล้วส่งผ่านไปยังหน้าเตาที่เป็นโลหะ แล้วเมื่อนำไปวางบนผ้ารอยยับจะคลายและกลายเป็นความเรียบนั่นเอง ในอดีตตัวเครื่องจะไม่สามารถควบคุมระดับความร้อนได้ จนบางครั้งมันร้อนเกินไปทำให้ต้องถอดปลั๊กออก แต่ปัจจุบันมันได้ถูกพัฒนาจนสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับเนื้อผ้าแต่ละชนิด ด้านการใช้งาน เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะว่ามีราคาเริ่มต้นประมาณ 300 บาท ในการรีดอาจจำเป็นต้องพรมน้ำ หรือหรือน้ำยารีดลงไป เพื่อทำให้เส้นใยในผ้าเรียงตัว สามารถดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย ปัจจัยที่ทำให้ราคาถูกหรือแพงจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและวัสดุที่ใช้เคลือบหน้าเตาเป็นหลัก
2. เตารีดไอน้ำ เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก
เตารีดแห้ง โดยการเพิ่มคุณสมบัติการพ่นไอน้ำ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรีด ไอน้ำที่ร้อนจะทะลุผ่านเส้นใยผ้า ทำให้ผ้าเรียบเร็ว ประหยัดแรง และประหยัดเวลากว่าแบบแห้งอยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้มันจึงเหมาะมากกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยมีเวลา อีกทั้งการที่พ่นไอน้ำออกมาทำให้ทะลุไปยังผ้าอีกด้านจนแทบไม่จำเป็นต้องกลับผ้า หรือพรมน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นการมีไอน้ำช่วยหล่อเลี้ยงยังช่วยลดความเสี่ยงในการไหม้ของหน้าเตาได้อีกด้วย โดยข้อเสียของเตาชนิดนี้คือ ถ้าทำความสะอาดไม่ดี หรือไม่ได้ใช้เวลานาน อาจจะมีคราบตะกรันจากน้ำออกมาสร้างรอยเปื้อนให้ผ้า หรืออาจเกิดการอุดตันจนทำให้ตัวเครื่องเสียหายได้ด้วย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทย่อยออกเป็น เตารีดไอน้ำแบบปกติ เตารีดไอน้ำแบบยืน เตารีดไอน้ำแยกหม้อต้ม และเตารีดไอน้ำแบบพกพา ซึ่งทุกประเภทจะมีคุณสมบัติการใช้แตกต่างกันค่ะ ข้อควรรู้ : ตะกรัน คือ คราบ แผ่น ผงลักษณะสีขาว ที่เกิดจากการรวมตัวกันเป็นก้อนและตกผลึกเมื่อถูกความร้อนตั้งแต่ 45 องศาเป็นต้นไป ของกลุ่มแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ละลายอยู่ในน้ำ เช่น เกลือโซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น สามารถทำให้ผ้าที่มีสีเข้มเปื้อนได้
สรุปแล้ว
เตารีดแห้ง กับ เตารีดไอน้ำ ควรซื้อแบบไหนดีกว่ากัน ต้องขอบอกว่าขึ้นอยู่ที่ความชอบ และความสดวกของแต่ละบุคคลนะคะ เพราะทั้ง2 ประเภทต่างก็มีข้อดี ข้อด้อยแตกต่างกัน หรือหากท่านใดที่มีงบประมานจำกัด หากเลือก
เตารีดแห้งก็จะค่อนข้างจะตอบโจทย์ในจุดนี้ค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ เราแนะนำว่าควรซื้อแบบเตารีดไอน้ำไปใช้ เนื่องจากหากเราปิดฟังก์ชั่นพ่นไอน้ำ ก็สามารถใช้มันแทน
เตารีดแห้งได้เลย อีกทั้งในวันที่รีบ ๆ เตารีดไอน้ำจะช่วยทุ่นแรงประหยัดเวลาได้ดีกว่านะคะ